ทุกที่มี design by Designtantarn

พบกับเรื่องราวของงาน design ใน http://designtantarn.wordpress.com

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ออกแบบเพื่อชีวิต

วันนี้อยากออกตัวมารับงานกับเขามั่งหลังจากที่มัวแต่ทำงานกราฟิกและอินทีเรียไปพร้อมๆกันถึงกับงงเลย แต่ผลงานที่ออกมาก็ไม่เลวแฮะเป็นการผสมผสานศาตร์ทางงานออกแบบอีกแขนงหนึ่ง ใครที่มีงานทางด้านออกแบบกราฟิก การเขียนเวปพร้อมดูแลระบบ การตกแต่งสถานที่พร้อมกับการคุมงานโทรมาปรึกษาและพูดคุยได้ครับที่ 089-1266569 มีประสบการณ์มาแล้วครับหลายรูปแบบและรับทำทีละงานแบบม้วนเดียวจบครับ....

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552

มีงบน้อยแต่อยากได้ห้องสวยทำไงดี

หลายท่านนะครับที่อยากได้ห้องที่สวยงาม แต่ไม่มีไอเดียทางด้านงานตกแต่งเลย ครั้นจะเดินดุ่มๆเข้าร้านเฟอร์นิเจอร์เพื่อชี้เอานั้นเอานี้ก็กลัวว่าจะออกมาไม่ดี ไม่สวยดั่งใจ ผมขอแนะนำดังนี้นะท่านยอมเสียเงินค่าจ้างที่ปรึกษาทางด้านตกแต่งภายในดีกว่าครับ ผมว่าเป็นจำนวนเงินไม่เท่าไหร่หรอก ยกตัวอย่างผมเองที่ลูกค้าหลายรายก็พอใจในการให้คำปรึกษา โดยที่ไม่ได้คิดค่าบริการที่โหดร้ายอย่างท่หลายคนคิด แต่นึกเสียนะครับว่าเป็นค่าเสียเวลาให้กับทาง designer ที่เขาจะต้องติดต่อหาข้อมูลให้ท่านและเป็นค่าบริการวิชาชีพซะ ท่านก็จะได้ห้องที่โดนใจและอยู่อย่างมีความสุขนะครับ.........

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

คนแก่แต่งานไม่แก่

หลายครั้งที่เห็นงานออกแบบของคนรุ่นใหม่ที่ได้อวดโฉมกันในสื่อต่างๆพูดตรงๆหลายงานสื่อออกมาไม่รู้เรื่อง สะเปะสะปะ ไม่รู้ว่าเป็นตัวของตัวเองมากไปหรือเปล่า ในความเห็นเรานะงานออกแบบที่เข้าใจยากออกแบบง่ายกว่างานออกแบบที่ดูแล้วรู้เรื่องมาก หลายท่านคงเห็นงานที่ทำออกมาแล้วดูสวย ดูเท่ ซึ่งมันก็รู้เรื่องที่ว่ามันสวย มันเท่ มากกว่างานที่ต้องมาตีความสลับซับซ้อนที่ต้องยกกันไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้าลึกลำ้กว่าจอมยุทธอะไรอีก มีหลายงานเหมือนกันที่ส่วนผสมเหล่านี้ไม่ลงตัวทั้งๆที่งานออกแบบต้องมีส่วนผสมของงานที่สวย เป็นตัวของตัวเอง ให้กลมกล่อม ละมุนละไม หลายครั้งที่งานออกแนวแรงๆแล้วได้รับการกล่าวขวัญทั้งๆที่ จะว่าไปตามตรงแล้วยังขัดความรู้สึกลึกๆอยู่ใช่น้อยไม่ใช่หรือ


ขออนุญาติวิจารณ์งานเพื่อนหน่อยนะคงไม่ว่ากัน

วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

หนังสือ max10 ออกใหม่


พอดีไปเจอหนังสือ max 10 ที่กำลังจะออกใหม่ช่วงเดือนสิงหาคม แต่ว่าเป็นหนังสือต่างประเทศนะเมืองไทยไม่รู้ว่าจะหาซื้อได้ที่ไหนนะ


วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

พระองค์นี้คือไอดอลในดวงใจของผม


สิ่งที่เธอควรมี "สติปัญญา"
สิ่งที่เธอควรแสวงหา "กัลยาณมิตร"
สิ่งที่เธอควรคิด "ความดีงาม"
สิ่งที่เธอควรพยายาม "การศึกษา"
สิ่งที่เธอควรเข้าหา "นักปราชญ์"
สิ่งที่เธอควรฉลาด "การเข้าสังคม"
สิ่งที่เธอควรนิยม "ความซื่อสัตย์"
สิ่งที่เธอควรตัด "อกุศลมูล"
สิ่งที่เธอควรเพิ่มพูน "บุญกุศล"
สิ่งที่เธอควรอดทน "การดูหมิ่น"
สิ่งที่เธอควรได้ยิน "พุทธธรรม"
สิ่งที่เธอควรจดจำ "ผู้มีคุณ"
สิ่งที่เธอควรเทดทูน "สถาบันกษัตริย์"
สิ่งที่เธอควรขจัด "ความเห็นแก่ตัว"
สิ่งที่เธอควรเลิกเมามัว "การพนัน"
สิ่งที่เธอควรสร้างสรรค์ "สัมมาชีพ"
สิ่งที่เธอควรเร่งรีบ "การแทนคุณบุพการี"
สิ่งที่เธอควรปฏิบัติทันที "ทำวันนี้ให้ดีที่สุด"

ว.วชิรเมธี

หนังแฮร์รี่ พอตเตอร์ 6ในความเห็นของผม


เมื่อวานไปดูหนังเรื่องนี้มา ความที่ก็เป็นแฟนของแฮร์รี่มาตั้งแต่ต้นถึงขนาดคลั่งไคล้มากตอนเป็นหนังสือ แต่ว่าที่สร้างเป็นหนังยอมรับว่าผิดหวังมาตั้งแต่สร้างภาคแรกแต่ยังดีที่ภาคต่อมาทำดีขึ้นมาอีกนิดหนึ่งแต่ว่าภาคล่าสุดที่สร้างเป็นหนังให้ได้ชมนั้น (ภาคเจ้าชายเลือดผสม) ยอมรับว่าผิดหวังในตัวคนสร้างมาก ผิดหวังยังไงนะเหรอครับ เริ่มจากคาแรค์เตอร์ของดัมเบอร์ดอร์ที่ผมว่าไปเหมือนกับคาแรค์เตอร์ของแกนด์ดาฟ์ ใน ลอรด์ ออฟ เดอะ ริงค์ มาก (นึกว่าคนเดียวกัน) ผมว่าคาแร็คเตอร์ของดัมเบอร์ดอร์ในหนังสือเขาค่อนข้างที่จะชัดเจนมากนะครับ จำได้ว่าจะดูใจดีๆ ชอบกินลูกกวาด ใส่เสื้อผ้าลายดาว (ตามจินตนาการที่เขียนในหนังสือนะ) และบรรยากาศดูยังไงไม่รู้ (ขนาดดูในโรง ดิจิตอลนะ)ในภาคนี้นะครับแต่ว่าฉากและมุมกล้องในเรื่องสวยมากสมเป็นมืออาชีพ แต่การดำเนินเรื่องและความสมูทในเนื้อหาค่อนข้างกระโดดไปนิดยังไม่ต่อเนื่องอาจเป็นเพราะการควบคุมเวลาในการตัดต่อ และฉากต่อสู้กันผมว่าสวยดีนะแต่เหมือนว่ามันขาดอะไรไปอย่างนะ มันไม่เร้าใจเท่าที่ควร แต่ว่าคะแนนภาพรวมเต็ม 10 ผมให้ที่ 6 ละกันนะครับถ้าเทียบกับ ทรานซ์ฟอร์เมอร์ ที่ผมคูไป 3 รอบ จาก 10 ผมให้ 9.5 เลยยยยย......




แบบงานใหม่




งานนี้เป็นงานสดๆร้อนๆนะครับอาจจะยังไม่สมบูรณ์นะครับแต่พอดูได้

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552

modo โปรแกรมสามมิติน้องใหม่ที่กำลังมาแรง

เนื่องจากมีกระทู้หนึ่งในเวปไซด์ thai3dviz เกี่ยวกับเรื่องโปรแกรมสามมิติตัวใหม่ที่กำลังเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก ฉนั้นในฐานะที่เป็นมือทำภาพสามดี คนหนึ่งก็เลยเอาเวปลิงค์ติวเตอร์ของเจามาฝากครับลองคลิกลิงค์เข้าไปดูนะที่ http://vimeo.com/5309589 ที่1 http://vimeo.com/5310471 ที่2 http://vimeo.com/5311373

ลองเข้าไปชมดูนะครับ

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552

หลักธรรมบันดาลใจ


วันนี้มาแบบท่านมหาดูบ้างนะ เนื่องจากว่าเห็นว่ามนุษย์เงินเดือนในเมือไทยไชโยโห่ฮิ้ว จะวุ่นวายกันมากมายเหลือเกิน เดี๋ยวเรื่องนั้น เรื่องนี้มาคอยให้ปวดหัวทุกที เฮ้อ! จะทำอย่างไรกันดีละเนี่ยเดี๋ยวเงินเดือนไม่พอใช้บ้าง เดี๋ยวคนรักนอกใจบ้าง เดี๋ยวพ่อแม่ไม่สบายอีก ปัญหารุมเร้าหัวใจแล้วจะไปพึ่งใครดีละทีนี้ เอายังงี้ดีไหมผมลองแนะนำให้ท่านลองเอาธรรม มาแก้ปัญหา


โว้...ไม่เอาล้าสมัย.....เชยยยยย...ยังไม่อยากเข้าวัด (ร้อน) โอ้!..อะไรกันนี้ เราจะแนะนำทางสว่างให้อยู่แล้วเชียว แต่เอาน่าไหนๆก็จะเขียนแล้วกลั้นใจอ่านละกันเผื่อจะดีขึ้น ในเมื่อคนเรามีปัญหามากนักไม่อยากให้มันมารบกวนเราเราก็ปล่อยวางซะสิ จะไปยากอะไรจริงไหม พูดง่ายนะแต่ทำยาก ที่ว่าทำยากเพราะหลายท่านกลัว ความกลัวทำให้คนเราปิดกั้นสิ่งดีๆและโอกาส หลายอย่าง หากท่านสามารถปลงและเลิก ยึดติด เลิกถือมั่นยึดมั้นในกิเลส และสิ่งล่อใจต่างๆแล้วท่านจะรู้สึกสบาย ไม่ต้องทิ้งทุกอย่างหรอกเพียงแต่ค่อยๆปล่อย ค่อยๆวาง และใช้สติให้มากขึ้นกว่าเดิม และที่สำคัญผมอยากจะบอกดังๆว่า สิ่งที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสรู้คำสั่งสอนที่เรียกว่า "ธรรมะ" นั้นประเสริฐเพราะธรรมะคือธรรมชาติ อะไรที่ผิดธรรมชาติ ธรรมไม่ปลื้ม ขอบอก.......

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

จากมุมโลกหนึ่งสู่อีกมุมโลกหนึ่ง



สวัสดีพี่น้องชาวไทยที่รักทั้งหลายครับ วันนี้เป็นวันเริ่มต้นทำงานวันแรกของอาทิตย์นี้ หวังว่าท่านจะมีความสุขในการทำงานนะครับ ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาผมว่าหลายท่านคงจะเคยได้ข่าวเกี่ยวกับไข้หวัดหมูหรือที่ปรับปรุงชื่อใหม่ว่าไข้หวัด2009 กันว่าจุดแรกเริ่มที่แพร่ระบาดนั้นอยู่ในประเทศเม็กซิโก ซึ่งหากลองนึกตามแผนที่โลกแล้วจะห่างจากประเทศไทยถึงครึ่งโลกเลย ตอนนั้นหลายท่านคงคิดเช่นเดียวกับผมว่าอยู่ตั้งไกลคงจะระบาดมาไม่ถึงบ้านของเราเป็นแน่ แต่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกกลมๆของเรา ปรากฏว่าหลังจากมีข่าวครั้งแรกประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมาตอนนี้เชื้อดังกล่าวได้ระบาดเข้ามาสู่สยามประเทศของเราสถิติตอนที่เขียน blog นี้ติดเชื้อแล้วกว่า 150 คนแล้วครับจากที่พบเจอคนไทยคนแรกที่ติดเมื่อ เวลาผ่านไปไม่ถึงเดือน ทำให้เราต้องมาตั้งคำถามกับตัวเองและหน่วยงานที่เกี่ยวขน้องว่าที่ผ่านมาคนที่รับผิดชอบมัวไปทำอะไรอยู่เชื้อถึงได้แพร่มากมายซะขนาดนี้ ผมจำได้ว่ารัฐมนตรีคนที่รับผิดชอบนี้จะหูกางๆหน่อยนะครับ แต่ตอนนี้ไม่เห็นออกมาพูดอะไรเลยมีแต่หน่วยงานสาธารณสุขของสยามประเทศเราที่ออกมาบอกว่า โอ๊ย! ไม่ต้องตกใจไปหรอกครับพี่น้อง ยังไงหวัดนี้ก็หายได้เองครับ เรามีวิธีรับมือได้อยู่แล้ว ในมุมมองของผม ผมว่าหน่วยงานเรา(รวมทั้งผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบ)จะเก่งแต่เรื่องแก้ตัวและหลอกตัวเองและสังคมไปวันๆนะครับผมเห็นเมืองนอกเวลาเขาเจอคนไข้ 1 รายเขาแทบจะทุ่มเททรัพยากรทุกอย่างที่มีเพื่อสกัดและป้องกันการแพร่ระบาดโดยจะสังเกตเห็นใน ทีวีว่าเขาจะจริงจังมาก มีการสวมชุดป้องกัน กักบริเวณและดูอาการอีก ผมเคยได้ฟังการสัมภาษณ์ของผู้อำนวยการ WHO อยู่ช่วงหนึ่งว่าเชื้อนี้จะน่ากลัวตรงที่มันจะกลับมาใหม่อีกทีนั้นแหละครับ (ของต่างประเทศมีคนเสียชีวิตด้วย) จริงอยู่ที่ว่าในประเทศเรายังไม่มีคนเสียชีวิตแต่ในฐานะเราเป็นประชาชนที่อาจด้อยการศึกษา(ที่ถูกปิดบัง) แต่ว่าหากเชื้อนี้กลายพันธ์ละจะว่ายังไง ยิ่งเราเป็นเมืองร้อนด้วยแล้วความรุนแรงอาจเพิ่มเป็นหลายเท่า อย่าลืมนะครับว่าเชื้อนี้เราไม่เคยพบเจอกันมาก่อนถึงแม้ว่าจะมีโครงสร้างทางพันธุกรรมคล้ายหวัดธรรมดาแต่เราจะต้องไม่ประมาทหากมีการเสียชีวิตผมว่าประเทศเราจะรับมือลำบาก (นี้ยังไม่รวมถึงผลกระทบอื่นๆที่จะตามมาอีกนะ) เพราะว่าเป็นโรคใหม่ ไม่งั้น WHO คงจะไม่มีระบบเตือนภัยถึงระดับ 6 หรอกครับ ผมว่าเราต้องช่วยตัวเองไปก่อนแล้วละ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเท่านั้น จะเชื่อหน่วยงานรัฐอย่าเดียวคงจะเชื่อถือลำบาก (เพราะตอนแรกที่พบบอกว่าเราสามารถควบคุมได้แล้ว เห็นมีข่าวว่าหน่วยงานที่เฝ้าระวังในสนามบินจะไม่ตรวจบุคคล Vip ด้วยนี้ครับ) เห็นทีจะต้องอธิฐานจากคุณพระคุณเจ้าแล้วละครับ (จะช่วยได้หรือเปล่า) เฮ้อ โลกปัจจุบันการสื่อสารไร้พรมแดนจริงๆ ถ้าเชื้อโรคนี้มีพาสปอรต์ผมว่าต้องเป็นพาสปอรต์แบบ VIP แน่ๆเลยเพราะผ่านเข้ามาได้ไงไม่รู้เนอะ!พี่น้องเนอะ!...........

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552

โลกของการออกแบบมีไม่หยุดยั้ง


วันนี้มาแนะนำอาชีพของเรา ให้สมาชิกทุกท่านรับทราบว่าอาชีพอย่างเราทำอะไรได้บ้าง ขึ้นชื่อว่านักออกแบบแล้วการใช้ชีวิต และ Life style ต่างๆ มันก็ต้องมีกันบ้างนะครับที่จะเหมือนกับชาวบ้านก็ดูธรรมดาไปหน่อย แต่ว่าสิ่งที่นักออกแบบทุกคนต้องมีคือ การเป็นคนช่างสังเกต ช่างสงสัย (ประมาณเจ้าหนูจัมไม ของอิก คิว ซัง ไง) คือการตั้งคำถามกับตัวเองและสิ่งรอบข้างจะทำให้เราสามารถพัฒนาความคิดไปได้ไกลกว่าคนอื่นๆ ส่วนในการทำงานนั้นอันดับแรกคนที่เป็นนักออกแบบต้องเป็นคนที่ Nice และช่าง Creat มากๆ คือต้องมีมนุษย์สัมพันธ์กับทุกคน และต้องรู้ในศาสตร์ของตนเองอย่างถ่องแท้ อย่างไรหรือครับ ก็สามารถรู้จริง รู้ลึก เพราะคนที่จะมาจ้างเราเขาต้องปรึกษาเราในเรื่องต่างๆ อยู่แล้วนะครับ ที่สำคัญ ต้องมีจรรยาบรรณสูงด้วยนะ เพราะอาชีพนักออกแบบจะอยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นธุรกิจ และ ความเป็นศิลป มันจึงมีผลประโยชน์ต่างๆมาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ฉะนั้นนักออกแบบที่ดีจะต้องมีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า และวิชาชีพด้วยนะครับ อย่าใจลอยไปกับผลประโยชน์อันน้อยนิดแต่ไม่คุ้มค่ากับชื่อเสียงในอนาคตเลย

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ปรับเปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตเปลี่ยนไป


สวัสดีครับ มิตรรักแฟนเพลงวันนี้ผมมีเรื่องราวดีๆจะมาเล่าสู่กันฟังเป็นเรื่องเกี่ยวกับสังคมรอบข้างเรานี้แหละ อย่างที่ผมอ้างอิงไปในบทความที่แล้วเรื่อง Positive thinking หรือการคิดบวก มองโลกในแง่ดี วันนี้ผมมีเรื่องราวที่ประสบพบเจอ สดๆร้อนๆ มาเล่าครับ คือว่าเมื่อวันก่อนขณะที่ผมนั่งรถเที่ยวดูเมืองหลวงของเราตอนคำคืน (เพราะอยากเห็นแง่มุมชีวิตคนในมุมต่างๆนะครับ ) ปรากฏว่าได้นั่งรถผ่านมาทางถนนรามอินทรา ตรงช่วงแยกลาดปลาเค้า เห็นมีกลุ่มรถมอเตอร์ไซด์กลุ่มใหญ่มากประมาณ 100 คันเห็นจะได้ และมีรถกะบะที่บรรทุกกลุ่มวัยรุ่นอีกหลายคัน กำลังรวมตัวกัน ตอนแรกเข้าใจว่ามีรถชนกันหรือเปล่า แต่พอมองดูดีกลับเห็นว่าเป็นการรวมตัวกัน ปิดถนน เพื่อจัดแข่งรถกัน ห๊า...! ท่านอ่านไม่ผิดหรอกครับ! ปิดถนน ถนนสาธารณะด้วยเพื่อแข่งรถกันเห็นบิดแข่งกันหลายคันเลย ทั้งๆที่ช่วงนั้นเวลานั้นยังมีประชาชนใช้ทางสาธารณะกันอย่างหนาแน่นอยู่ และห่างกันไม่ไกลในช่วง 2 กิโลนั้นมีทั้งหน่วยงานราชการคือค่ายทหาร และที่สำคัญคือสถาณีตำรวจนครบาลบางเขนครับ โห! ช่างกล้ามากหากใครผ่านช่วงเวลานั้นคงจะเห็นเหตุการณ์ดี ซึ่งทำให้ผมคิดว่าบ้านเราเมืองเรานี้เป็นอะไรกันไปหมดแล้ว เห็นคนที่มาแข่งรถผมว่าอย่างน้อยเขาก็น่าจะมีการศึกษามาบ้าง (ประมาณว่าในระดับ อาชีวะหรือมัธยมนะครับ) น่าจะมีความคิดหลายอย่างที่ผมว่าดีกว่านี้นะครับ นี้ขนาดพ่อแม่เรายังจบแค่ ป.4 ยังมีความคิดที่เข้าท่ากว่านี้เลย แต่อย่างว่าละครับจะโทษเด็กอย่างเดียวก็ไม่ได้ (จริงๆก็ไม่ได้เด็กทุกคนเสมอไปหรอกนะครับ) เพราะว่ายุคสมัยและสถานการณ์มันต่างกันนะ P+ อยู่แล้ว เกือบจะเครียดไปกับสถานการณ์ที่เราปรุงแต่งความคิดละ แต่เอ! เราก็มี P+ อยู่แล้วนี้ลองคิดในแง่นี้ไหม จากการที่กลุ่มนี้จะย้ายที่แข่งประจำเราจัดให้เลย สนามบินดอนเมืองเก่า ให้ใช้แข่งเลยจะบิดยัไงก็ได้เชิญตามสบาย แต่ว่าต้องมีหน่วยเก็บศพด้วยนะ เอาไว้ขู่ และมีกฏหมายออกมาเลยว่าถ้าจัดให้แล้วยังไปแข่งขันกันให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อนอีก โทษจะหนักมาก ถ้าจับได้ให้ไปกวาดลานบินของสนามบินสุวรรณภูมิเลย ไม่ต้องจับเข้าคุกหรอกเปลืองนำเปลืองไฟหลวงเผลอๆ อาจจะเจอพวกเดียวกันอีกแล้วไม่เข็ดด้วย หากใครมีแววแข่งดีมีฝีมือก็จับมาฝึกให้เป็นมืออาชีพเลยให้เห็นเลยว่าแข่งรถก็มีหลักการนะ และการให้หน่วยงานดูแลก็ไม่ต้องบังคับเขาไปทำประกาศเลยว่าหากหน่วยงานไหนมีความพร้อมหรือเอกชนรายใดสนใจก็ สามารถมาเข้าร่วมได้ ผมว่าถ้าทำอย่างนี้เราก็อย่างน้อยก็แก้ปัญหาสังคมไปได้อีกหนึ่งละ...เป็นไงครับความคิดผม เข้าท่าไหมเอ่ย.........

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ประโยชน์ของการมองบวก (positive thinking)


สวัสดีครับ กับเช้าวันอังคาร เมื่อวานตอนใกล้เลิกงานปรากฏว่าฝนตกหนักมาก เลยคิดว่าเย็นวันนี้รถจะต้องติดหนักแน่ๆ แล้วก็เป็นไปตามคาดทุกประการ กับอาการฝนตก รถติดนี้ผมว่าในประวัติศาสตร์การจราจรชาติไทยไชโยโห่ฮิ้ว ของเรายังไม่ปรากฏว่าจะมีจอมยุทธท่านใดมาแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังกันซะที เฮ้อคิดแล้วว่าชาติหน้านี้คนบ้านนอกเข้ากรุงจนแทบจะกลายมาเป็นคนกรุงอยู่แล้วเนี้ยจะได้ใช้ระบบขนส่งที่เป็นข่าวมากมายแบบเมกกะโปรเจคกับเขาบ้างหรือเปล่า แต่เอาละ ไหนๆปัญหามันก็เป็นอยู่อย่างนี้แล้วเราอย่าไปเครียดกับชีวิตให้มันมากนักเลย ลองใช้วิธีคิดแบบ Positive Thinking หรือที่เรียกว่าการคิดแบบเชิงบวก + กันดีกว่า คิดเชิงบวกต้องคิดกันยังไง แล้วทำยากไหม แล้วจะได้ประโยชน์อะไร การคิดแบบเชิงบวกถ้าพูดกันภาษาที่เข้าใจง่ายคือคิดในแง่ดี แต่ว่าการคิดในแง่ดีนี้ก็มีหลักเหมือนกันนะไม่ใช่ว่าอะไรๆ ก็คิดแบบไม่มีจุดด้อยหมด เดี๋ยวดีไม่ดี งานเข้าแน่ ที่ว่ามีหลักคือเวลาเจอปัญหาหรืออยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแทนที่จะมาคิดว่าฉันมันไม่ดี ฉันมันเลวได้ใจ ลองปรับการคิดแบบนี้ไหม ว่าเออ!ไหนๆเหตุการณ์บางอย่างมันก็เกิดขึ้นมาแล้วทั้งๆที่เราก็พยายามอย่างเต็มที่ เราก็คิดว่าอย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่าอะไรทำให้เกิดปัญหานั้นขึ้นมา แล้วเราจะได้ใช้สมองในการวิเคราะห์ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ที่จะคล้ายๆ กันเหตุการณ์นี้อีกในอนาคตเราจะตั้งรับกับมันได้ทันท่วงที อยากบอกเพื่อนๆว่า บางเหตุการณ์ที่เราไม่คาดฝันที่มันเกิดขึ้นย่อมมีผลกระทบต่างๆตามมาอยู่แล้วละครับ ขึ้นอยู่กับว่าผลกระทบนั้นจะรุนแรงมากหรือรุนแรงน้อย แต่เราก็ไม่สามารถที่จะไปห้ามมันได้ เราควรจะเอาสมองของเรามาวิเคราะห์และหาทางตั้งรับและอยู่ร่วมกับมันดีกว่า เราก็จะมีความสุขขึ้น อย่างน้อยความสุขที่เกิดขึ้นอาจจะเหมือแสงเทียนในพายุนะครับ ถึงแม้มันจะเล็กน้อนแต่ให้ความอบอุนและแสงสว่างซึ่งจะสามารถนำทางให้เราพบทางออกได..แฮะๆ วันนี้เอาเกล็ดเล็กๆ ในการใช้ชีวิตในเมืองกรุงที่แสนวุ่นวายนี้มาให้ท่านลองคิดพิจารณาดูกันนะครับพรุ่งนี้จะเป็นอะไรอนาคตเราอย่าไปคาดเดาเลยครับปล่อยไปตามธรมชาติดีกว่าแค่เราตั้งเป้ากับชีวิตก็พอแล้วครับแล้วเดินไปตามเส้นที่เราวาดไว้ เดินตรงบ้าง ไม่ตรงบ้างก็ไม่เป็นไรเราสร้างทางความคิดให้กว้างๆหน่อยรับรองท่านไม่ตกถนนหรอกครับ วันนี้ขอให้ท่านทำงานอย่างมีเป้าหมายบนพื้นฐานของความสุขนะครับ...แอ๊นซ์ แอ็นซ ..สวัสดีครับ

วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เปิดตัวเวปไซด์น้องใหม่ครับ


สวัสดีครับ บล็อกนี้ถือเป็นบล็อคปฐมฤกษ์ของผมนะครับ (หลังจากที่ยังไม่มีเวลามาสะสางซะที) ขออนุญาติเปิดตัวและแนะนำตัวนะครับ ผมเป็น designer ประจำบริษัท แอทเรียลดีไซน์ ครับซึ่งงานหลักๆก็อยู่ในหน้าที่ออกแบบและดูแลน้องๆในบริษัทนะครับ ลองดูเวปตัวอย่างของบริษัทเราได้ที่ www.at-real.co.th นะครับ นอกเหนือจากนั้นแล้วผมยังมีหน้าที่ปรับพื้นฐานการใช้โปรแกรม และดูแลระบบของบริษัท (ตามแต่ที่ความรู้จะมีนะครับ) ผมจึงสร้าง blog นี้ขึ้นมาเพื่อที่จะนำเสนอเรื่องราวต่างๆ แลกเปลี่ยนความรู้ และบางทีผมอาจทำเนื้อหาในการสอนในสิ่งที่ผมรู้ให้กับทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม blog ส่วนตัวของผมครับ และผมยังจะนำเสนอสิ่งต่างๆที่เป็นความเห็นส่วนตัวที่ได้พบได้เจอในชีวิตประจำวันมานำเสนอแก่ทุกท่านครับเพราะนอกจากผมจะดูแลในส่วน blog ของบริษัทที่ค่อนข้างเป็นทางการแล้ว blog นี้จะแสดงความเป็นตัวตนของผมอีกด้วยครับ....